นันทิดา แก้วบัวสาย เป็นนักร้อง Diva แนวหน้าของประเทศไทยและนักแสดงชาวไทย และ 1 ใน 3 ศิลปินหญิงสุดยอดคุณภาพระดับแนวหน้าของประเทศไทย
นันทิดา แก้วบัวสาย เกิดวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2503 ที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่ออายุได้ 7 เดือน ครอบครัวย้ายเข้ากรุงเทพฯ ในวัยเด็กได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านให้เรียนทั้งดนตรีและการเต้นรำ มี Karen Carpenter, Shirley Bassey และ Vikki Carr เป็นนักร้องต้นแบบ พออายุ 6-7 ขวบ ก็ขึ้นร้องเพลงครั้งแรกที่บลูมูนไนท์คลับและได้ร้องเพลงออกรายการโทรทัศน์รายการ "บันไดดารา" และ "ท็อปป๊อป (TopPop)"
ด้วยแววที่เริ่มฉายมาตั้งแต่เด็กเมื่อช่อง 3 จัดการประกวดคัดเลือกหานักร้องสมัครเล่น เพื่อส่งเข้าประกวดชิงแชมป์นักร้องสมัครเล่นของเอเชียครั้งที่สามที่ฮ่องกง สุดา ชื่นบาน เป็นผู้ที่มีส่วนผลักดัน ให้นันทิดา เข้ามาสู่ถนนดนตรีอย่างเต็มตัว เมื่อได้ฟังเสียง เด็กหญิงนันทิดา ซ้อมร้องเพลงโดยบังเอิญ จึงแนะนำให้ไปประกวดร้องเพลงที่ช่อง 3 ซึ่งคุณแม่ให้การสนับสนุน ในขณะที่นันทิดาไม่ยินยอม มารดาจึงใช้แผนหลอก ด้วยการไปรับเธอที่โรงเรียน และบอกว่า คุณยายไม่สบาย อยู่โรงพยาบาล แต่ขอแวะทำธุระที่ช่อง 3 ก่อน พอขึ้นไปด้วยกัน เธอถึงรู้ว่าเป็นการประกวดรางวัลนักร้องสมัครเล่น คุณแม่ของนันทิดาจึงส่งเธอเข้าประกวดในรายการนี้ในวัยที่เธอยังไม่ครบ 18 ปีเต็ม มีผู้สมัครเข้าแข่งขัน 500 คน บทเพลงที่นันทิดาใช้เข้าแข่งขันคือ "My Way" และ "The Way We Were" เธอผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศซึ่งเหลือผู้เข้าแข่งขัน 13 คน กรรมการต้องเลือกให้เหลือเพียงสองคน ในรอบนี้นันทิดาเลือกเพลง "I Who Have Nothing" มาขับร้องที่ทำให้นันทิดาได้รับรางวัล นักร้องสมัครเล่นยอดเยี่ยม จากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ปี 2521 และได้ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในสองคนสุดท้ายได้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศฮ่องกง อีกท่านหนึ่งที่เป็นตัวแทนร่วมกันคือ ประจวบ สินเทศ (ภายหลังเป็นนักร้องนำของพิ๊งค์แพนเตอร์ในช่วงแรก) วันที่ 31 พฤษภาคม 2521 นันทิดาชนะเลิศในการแข่งขันที่ฮ่องกง ได้รับรางวัลนักร้องสมัครเล่นยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ในปีถัดมา โดยใช้เพลง "I Who Have Nothing" ในการประกวด ซึ่งได้ นริศร์ ทรัพยะประภา และ ปราจีน ทรงเผ่า ร่วมกันเรียบเรียงเสียงประสาน ส่วน ประจวบ สินเทศ ได้อันดับที่ 4 จากเพลง "If I Had My Way" โดยมี วิรัช อยู่ถาวร เป็นผู้เรียบเรียงเสียงประสาน
เธอจึงกลายเป็นสาวน้อยไทยคนแรก ด้วยวัยเพียง 19 ปี ที่คว้ารางวัลระดับนานาชาติ ส่งผลให้นันทิดา เป็นดาวที่ฉายแสงเจิดจรัสในยุคนั้น ไม่ว่าจะเธอ จะขยับตัวไปทางไหน ก็มีแต่ชื่อเสียง และความสำเร็จ ไม่เพียงแต่งานเพลง เธอยังรับเล่นภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น "เพลงรักดอกไม้บาน" แสดงคู่กับ ราวิน บุรารักษ์ งานเพลง หลังชนะการประกวด นันทิดาออกอัลบั้มชุดแรกกับช่อง 3 ในปี 2523 เป็นเพลงสากล และปลายปีนั้น ก็ออกผลงาน เพลงไทยออกมาอีกชุดหนึ่ง ชื่อ "รักต่างแดน" ซึ่งทำกับห้างแผ่นเสียง เอ บี ซี หลังจากนั้น ก็ทยอยตามมาอีกหลายชุด ซึ่งงานที่ทำกับเอ บี ซี ส่วนใหญ่เป็นเพลงลูกทุ่ง เช่น "แฟนใครไม่มีป้ายแขวนคอ" , "ข้อยเว้าแม่นบ่" , "จำกันบ่ได้กา" และได้รางวัล นักร้องหญิงยอดเยี่ยม จาก "ข้อยเว้าแม่นบ่" ปี 2526
หลายปีกับเพลงลูกทุ่ง ทำให้นันทิดารู้สึกอิ่มตัวกับสิ่งที่ทำอยู่ ช่วงระหว่างย้ายจากห้างแผ่นเสียง เอ บี ซี มาอยู่บริษัทแกรมมี่ เธอเคยออกเทปเพลงสากลกับบัตเตอร์ฟลาย ชุด "Something in Our Mind"
อัลบั้มแรก ที่ออกกับแกรมมี่ คือ "นันทิดา 27" มีเพลง "ดีเจ..เสียงใส" ซึ่งเรวัต พุทธินันทน์ แต่งคำร้อง และอุกฤษณ์ พลางกูร แต่งทำนองดังกระหึ่มไปทั่วเมือง จากนั้น นันทิดาก็มีอัลบั้มออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทุกปี และเมื่อมีเวลาว่าง ก็จะไปเรียนร้องเพลงเพิ่มเติม กับ 'ครูนิ่ม' กัลยารัตน์ วารณะรัตน์ และ 'ป๋อง' อรรณพ จันสุตะ ทั้งทางภาคทฤษฎี และปฏิบัติ
ชีวิตครอบครัว เคยสมรสกับ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม(เอ๋) มีบุตรสาว 1 คน ชื่อ ชนม์ทิดา อัศวเหม (เพลง) เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2537 ต่อมาชนม์สวัสดิ์ได้ออกมาแถลงว่า ได้แยกทางกับนันทิดามากว่า 10 ปีแล้ว และชนม์สวัสดิ์ได้ออกมาแถลงข่าวต่อว่า ได้จดทะเบียนกับนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ (เจนี่ อัศวเหม) เมื่อ 8 สิงหาคม 2556 ด้านนันทิดาได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าชมกรีนคอนเสิร์ตหมายเลข 16 ณ บริเวณทางเข้ารอยัลพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 โดยปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกจ้างหย่าตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชนม์สวัสดิ์อยู่แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม ภายหลังประมาณเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 นางเอกสาวเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณได้หย่าร้างกับชนม์สวัสดิ์ เพราะเข้ากันไม่ได้ มีข่าวลือหนาหูว่าชนม์สวัสดิ์และนันทิดาได้กลับมาคืนดีกัน เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ชนม์สวัสดิ์แยกทางกับนันทิดา นันทิดาไม่เคยตำหนิ ว่ากล่าว หรือ ให้ร้ายใด ๆ เลย มีแต่แสดงความเสียใจ และแสดงออกว่ายังรักอยู่เสมอตลอดมา